ข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2568 เงินบาทปรับตัวแข็งค่ารวดเร็วหลุดระดับ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. 2568 ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด จึงทำให้ตลาดมีความมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือของปี 2568 ด้วย โดยคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลงครั้งละ 0.25 ขณะเดียวกัน ราคาทองคำโลกที่ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตลอดเกือบทั้งสัปดาห์ ยังเป็นปัจจัยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าเร็วและยังแข็งค่านำสกุลเงินอื่นในภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทยมีการถือครองทองคำจำนวนมาก เมื่อราคาทองคำสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดการขายทองคำออกมาเป็นเงินตราต่างประเทศและแปลงกลับเป็นเงินบาท ส่งผลให้มีความต้องการเงินบาทเพิ่มขึ้นจนเงินบาทแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่ค้าอย่างผิดปกติ  

ทั้งนี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยระบุว่า สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ภาคส่งออกต้องเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบาก เนื่องจากราคาสินค้าไทยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ส่งผลต่อยอดจำหน่ายและรายได้จากต่างประเทศ ส่วนภาคการท่องเที่ยว เงินบาทที่แข็งค่าทำให้ไทยมีต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงลดแรงจูงใจในการเดินทางมาไทย ขณะที่ภาคเกษตรกรรม เกษตรกรไทยที่พึ่งพาการส่งออกได้รับผลกระทบหนักจากต้นทุนและรายได้ ที่ไม่สอดคล้องกับค่าเงิน โดยเฉพาะข้าวนาปีและพืชไร่ที่กำลังจะออกสู่ตลาด (แนวหน้า, 10 ก.ย. 2568 และฐานเศรษฐกิจ, 11-13 ก.ย. 2568)