ข่าวเศรษฐกิจ

ตามที่ประเทศสมาชิก EU ได้บรรลุข้อตกลงในการกำหนดเพดานราคาก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดผลกระทบของภาคครัวเรือนจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวจะถูกนำมาใช้หากราคาสัญญาก๊าซฯ พุ่งขึ้นเกินระดับเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) ละ 180 ยูโรเป็นเวลา 3 วัน และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 2566 เป็นต้นไป โดยคณะกรรมาธิการยุโรปยังเปิดช่องให้ยกเลิกการกำหนดราคาเพดานก๊าซฯ ดังกล่าวได้ทันที หากมีการประเมินว่าก่อให้เกิดผลเสียต่อประเทศสมาชิก เช่น การหยุดชะงักของแหล่งอุปทาน กระทบต่อกลไกสนับสนุนก๊าซฯ ระหว่างประเทศ หรือกระเทือนต่อแผนความพยายามลดการใช้ก๊าซฯ ใน EU นั้น นักวิเคราะห์มองว่ากลไกที่เกิดขึ้นจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน และอาจไม่สามารถต้านทานวิกฤตอุปทานก๊าซฯ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 ขณะที่ชาติสมาชิกส่วนใหญ่ของ EU ยังกังวลว่าประเทศของตนอาจประสบความยากลำบากในการจัดซื้อก๊าซฯ จากแหล่งผลิตอื่นๆ มาเติมคลังก๊าซฯ สำรองเพื่อรองรับการใช้งานในฤดูหนาวปี 2566 เนื่องจากหลายฝ่ายคาดว่าตลาดก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ทั่วโลกในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะอยู่ในภาวะขาดแคลน หากมีผู้ซื้อจากต่างประเทศที่ยินดีจ่ายค่าก๊าซฯ ในราคาที่สูงขึ้น EU ก็เสี่ยงจะเสียอุปทานก๊าซฯ ดังกล่าวไปให้ผู้ซื้อรายอื่นที่พร้อมจ่ายสูงกว่า (https://thestandard.co, 22 ธ.ค. 2565)