ข่าวเศรษฐกิจ
สมาคมผู้ส่งออกเครื่องประดับเงินไทยเปิดเผยว่าการส่งออกเครื่องประดับเงินในปี 2567 มีแนวโน้มดีกว่าปี 2566 จากเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย (สัดส่วน 30%) ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวและเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีปัจจัยเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบกลุ่มโลหะในปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นจากออนซ์ละ 19-20 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นออนซ์ละ 23-24 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับเงินใช้วัตถุดิบโลหะเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ขณะเดียวกันค่าแรงก็ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าในช่วงที่ผ่านมาการส่งออกไปสหรัฐฯ และเยอรมนี ซึ่งเป็นตลาดส่งออกเครื่องประดับเงินอันดับ 1 และ 2 มีมูลค่าลดลง 3% ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากคู่แข่งหน้าใหม่ อาทิ จีน อิตาลี ตุรกี และอินเดีย เข้ามาแข่งขันด้วยราคาที่ต่ำกว่าไทยจึงต้องมุ่งเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ส่วนตลาดอินเดีย พบว่าเป็นตลาดเดียวที่การส่งออกเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังมีส่วนแบ่งตลาดส่งออกเพียง 10% ซึ่งคาดว่าในอนาคตอินเดียจะเป็นตลาดส่งออกเครื่องประดับเงินที่สำคัญของไทยเพราะมีระยะทางการขนส่งที่ใกล้และทำตลาดได้ง่าย โดยผู้ประกอบการไทยควรมุ่งเน้นการทำตลาดสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งเป็นสินค้าคนละกลุ่มกับที่อินเดียผลิต (prachachat.net, 21 ม.ค. 2567)