ข่าวเศรษฐกิจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรม EV ของภาครัฐ ส่งผลให้ตัวเลขจดทะเบียน EV อย่าง PHEV และ BEV เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าปี 2565 ยอดจำหน่าย PHEV จะมีจำนวนราว 12,000 คัน ขณะที่ BEV หากสามารถส่งมอบได้ตามแผน อาจมียอดจำหน่ายสูงกว่า 12,000 คัน ทำให้ปี 2565 จะมีจำนวน EV ทั้งสองแบบในประเทศสะสมราว 60,000 คัน ขณะเดียวกัน การที่ภาครัฐให้เงินอุดหนุนและลดภาษีสรรพสามิตต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี 2568 ทำให้ผู้บริโภคมีแนวโน้มเร่งซื้อ EV เพิ่มขึ้น และมีผลทำให้จำนวน PHEV ในไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นจนแตะระดับ 300,000 คันในปี 2568 ด้วยสัดส่วนของ PHEV ต่อ BEV ที่ 40 : 60 ทั้งนี้ การเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของตลาด EV ทำให้ไทยต้องพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้าน EV โดยเฉพาะการมีสถานีชาร์จ EV ในที่สาธารณะที่เพียงพอ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ ประเมินว่าในปี 2565 ไทยมีช่องจอดชาร์จ EV ทั่วประเทศราว 4,000 ช่อง อีกทั้งคาดว่าจำนวนช่องจอดชาร์จ EV ในที่สาธารณะทั่วประเทศในปี 2568 ที่เหมาะสมต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 19,000 ช่องจอดจึงจะเพียงพอต่อปริมาณ EV ที่อาจพุ่งแตะระดับ 300,000 คัน โดยคาดว่าจะเป็น BEV กว่า 180,000 คัน แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ และปริมณฑลราว 122,000 คัน และในต่างจังหวัดราว 58,000 คัน (prachachat.net, 5 ม.ค. 2566)