ข่าวเศรษฐกิจ

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) อยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าที่เป็นแพลตฟอร์มกลาง (National EV Platform) ร่วมกับผู้พัฒนาและให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า โดยจะรวบรวมแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการทุกรายมาไว้ที่จุดเดียวเพื่อวางแผนการเดินทางระหว่างเมือง โดยผู้บริโภคที่ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวจะทราบว่ามีสถานีชาร์จไฟฟ้าในจุดใดบ้าง รวมถึงจะสามารถจองคิวในการชาร์จ EV ซึ่งหากพัฒนาได้สำเร็จ สนพ.เชื่อว่าจะทำให้มีผู้ใช้บริการมีมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลก็จะได้รับรู้พฤติกรรมการชาร์จ EV ของประชาชนเพื่อนำไปวางแผนด้านไฟฟ้า

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สนพ.ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ให้กำหนดเป้าหมายจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าแบบชาร์จเร็วในสัดส่วน 5% หรือประมาณ 2,000-4,000 สถานีในปี 2573 รวมทั้งต้องเตรียมปริมาณไฟฟ้าเพื่อรองรับ EV จากความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่ง สนพ.คาดว่าในช่วง 5-6 ปีข้างหน้า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) จะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนเป็นหลักและจะมีปริมาณมาก โดยคาดว่า 80% ของเจ้าของ EV จะชาร์จ EV ที่บ้านมากกว่าในที่สาธารณะ

สำหรับนโยบายการส่งเสริมไฮโดรเจนของไทย สนพ. ได้ทำการศึกษาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปีเพื่อนำมาใช้จริงในกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มโรงงานที่ใช้ความร้อน และภาคขนส่ง นอกจากนี้ ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ สนพ.ระบุว่าจะมีสัดส่วนไฮโดรเจนเพื่อผลิตไฟฟ้า 20% จากเชื้อเพลิงทั้งหมด (thansettakij.com, 3 ก.ค. 2566)