ข่าวเศรษฐกิจ

ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) งวด 1 (ม.ค.-เม.ย. 2565) ในอัตราหน่วยละ 1.39 สตางค์ และค่า Ft งวดที่ 2 (พ.ค.-ส.ค. 2565) อีกหน่วยละ 24.77 สตางค์ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับขึ้นเป็นหน่วยละ 4 บาท ซึ่งได้สร้างความวิตกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมนั้น เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ได้เปิดเผยแผนการบริหารจัดการไฟฟ้าเพื่อรับมือวิกฤตพลังงานว่า ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 โดยเลื่อนการปลดโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะออกไป เพื่อให้มีปริมาณการผลิตไฟฟ้าส่วนนี้เพิ่มขึ้น รวมทั้งบริหารต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในส่วนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ด้วยการเปลี่ยนสูตรการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซฯ มาเป็นน้ำมัน และปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ณ หน้าโรงกลั่น ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปรับขึ้นจนสูงกว่าน้ำมัน รวมถึงจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งอื่นๆ นอกเหนือจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งขณะนี้ได้ออกประกาศเปิดรับซื้อไฟฟ้าชีวมวลแล้ว 10 เมกะวัตต์ (MW) โดยกำหนดช่วงเวลาในการรับซื้อระยะสั้นราว 1-2 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ก๊าซธรรมชาติขาด และกำหนดราคารับซื้อเป็นราคาจากเครื่องจักรที่ผลิตเดิม หรือหน่วยละ 2.20 บาท ซึ่งหากมีผู้สนใจมากก็อาจพิจารณาเพิ่มการผลิตไฟฟ้าชีวมวลเป็น 200 MW นอกจากนี้ กกพ. ยังประกาศรับซื้อไฟฟ้าคืนเป็นเวลา 1 ปี จากโรงงานที่ติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคา (จากเดิมอนุญาตให้ติดตั้ง แต่ไม่รับซื้อไฟฟ้าคืน) เพื่อลดต้นทุนการนำเข้า LNG มาผลิตไฟฟ้า (ประชาชาติธุรกิจ, 6-8 เม.ย. 2565)