ข่าวเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ารัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV ระดับโลก อย่างน้อย 3 บริษัท โดยมีการรายงานเรื่องดังกล่าวสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในไทย ได้แก่

1. Contemporary Amperex Technology Co., Limited (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV จีนที่ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของโลก 34% โดยมีลูกค้าหลักเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลก อาทิ BMW, Honda, Toyota, Volkswagen, Peugeot และ Volvo รวมทั้งโรงงานผลิต Tesla ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งที่ผ่านมา CATL มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ 70.9 GWh 
2. BYD ผู้ผลิต EV ของจีน และผู้ผลิตแบตเตอรี่นวัตกรรม Blade Battery หรือแบตเตอรี่รูปทรงใบมีดที่ช่วยระบายความร้อนได้ดีและกักเก็บพลังงานได้สูง โดยแบตเตอรี่ดังกล่าวครองส่วนแบ่งตลาด 12% และเป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่ง BYD ผลิตแบตเตอรี่ให้กับแบรนด์ BYD เอง รวมทั้ง Ford และ Tesla ในจีน โดยมีโรงงานผลิต 11 แห่งทั่วจีน มีกำลังการผลิต 35 GWh
3. SVOLT บริษัทผลิตแบตเตอรี่ EV ในเครือ Great Wall Motor ของจีน โดย SVOLT ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 10 ของโลกในปี 2565 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 1.3% มีกำลังการผลิต 2.6 GWh อีกทั้งมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นแบรนด์รถยนต์จีน อาทิ GWM, Geel, Leapmoto, Dongfeng, Voyah, Seres, Hozon Auto และ Xpeng

ทั้งนี้ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเปิดเผยว่าที่ผ่านมามาตรการส่งเสริมของภาครัฐทำให้ผู้ผลิต EV เข้ามาลงทุนผลิต EV ในไทยและดึงดูดความสนใจของผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV ด้วย ซึ่งไทยจำเป็นต้องดึงดูดนักลงทุนกลุ่มนี้ เพราะ Value Chain ของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่มีมูลค่าสูง สำหรับมาตรการสนับสนุนการลงทุนตั้งโรงงานแบตเตอรี่ของไทยยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นและจำเป็นต้องรอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณา ทั้งนี้ มาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมที่สมาคมฯ ต้องการ คือ สถานีชาร์จ EV ที่เพียงพอต่อความต้องการที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีสัดส่วน 1 หัวชาร์จ ต่อ EV 16 คัน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่าอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ EV โลกในปี 2565 มีมูลค่า 56,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอัตราปีละ 19.9% จากการเติบโตของตลาด EV ทั่วโลก ซึ่งแบตเตอรี่ถือเป็นส่วนสำคัญและคิดเป็นต้นทุนกว่า 50% ของราคา EV (bangkokbiznews.com, 27 พ.ค. 2566)