ข่าวเศรษฐกิจ

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าราคาเฉลี่ยของข้าว ซึ่งเป็นธัญพืชอาหารที่บริโภคเป็นหลักในเอเชีย ในเดือนกรกฎาคม 2566 พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 12 ปี โดยมีหลายสาเหตุ ทั้งการที่อินเดียห้ามส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติเพื่อดึงราคาข้าวในประเทศให้ต่ำลง ส่งผลให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกหายไปในทันทีราว 10 ล้านตัน หรือราว 20% ของข้าวทั้งตลาด จึงทำให้เมียนมา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 5 ของโลก ห้ามส่งออกข้าวตามไปด้วย ขณะเดียวกันรัสเซียก็ถอนตัวออกจากความตกลงเรื่องการส่งออกธัญพืชในทะเลดำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาธัญพืชโดยรวมในตลาดโลก รวมถึงภาวะภูมิอากาศแบบ El Nino ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะแล้งที่จะเป็นเหตุให้ผลผลิตข้าวในภูมิภาคเอเชียลดลง

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) มองว่าแนวโน้มราคาข้าวโลกน่าวิตกเป็นพิเศษ เพราะไม่เพียงจะสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเท่านั้น แต่ยังจะผันผวนหนักอีกด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับช่วงปี 2553-2555 ที่โลกเผชิญวิกฤตอาหารครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเชื่อว่าประเทศในเอเชียน่าจะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ เพราะหลายประเทศยังคงมีสต็อกข้าวเพียงพอไปอีกระยะหนึ่ง เช่น จีนที่แม้เกิดน้ำท่วมหนักใน 3 มณฑลหลักที่เพาะปลูกข้าวจนผลผลิตข้าวในประเทศหายไปถึง 1 ใน 4 แต่จีนก็สต็อกข้าวไว้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศนานอย่างน้อย 8 เดือน แต่หากภาวะ El Nino ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 รุนแรงอย่างที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ นอกจากราคาข้าวจะสูงขึ้นเพราะผลผลิตลดต่ำลงในช่วงปลายปี 2566 แล้ว ผลผลิตเกษตรกรรมอื่นๆ ก็จะลดลงตาม ส่งผลให้ราคาอาหารโดยรวมและดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย (www.prachachat.net, 31 ส.ค. 2566)