ข่าวเศรษฐกิจ

Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่าไทยจะผลิตรถยนต์ 1.97 ล้านคันในปี 2567 ขยายตัว 4.8% จากปี 2566 และฟื้นตัวได้ใกล้เคียงกับปี 2562 (ก่อน COVID-19 ระบาด) ที่ไทยผลิตรถยนต์ได้ 2 ล้านคัน โดยมี 2 ปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ 1) ค่าย EV เริ่มผลิต EV ชดเชยการนำเข้าภายใต้มาตรการ EV 3.0 ซึ่งคาดว่าผลของมาตรการ EV 3.0 จะหนุนยอดผลิต EV ให้เพิ่มขึ้นราว 5-7 หมื่นคัน ขณะเดียวกันคาดว่าจะมี EV ที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้มาตรการ EV 3.5 จำนวน 8.3 แสนคัน แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 4.54 แสนคัน จักรยานยนต์ 3.46 แสนคัน และรถกระบะ 3 หมื่นคัน และ 2) การผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกมีโอกาสได้รับอานิสงส์จากยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าไทยจะผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มเป็น 1.13-1.16 ล้านคันในปี 2567 หรือขยายตัว 4-8% (YoY) โดยรถยนต์ใช้น้ำมัน (ICE) จะยังครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกกว่า 79% ซึ่งกว่าที่ EV จะมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 40% ของรถยนต์ทุกประเภททั่วโลกยังต้องใช้เวลาอีกราว 6 ปี (ปี 2572) การส่งออกรถยนต์ไทยจึงยังมีโอกาสขยายตัวในปี 2567  

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์จะเผชิญความท้าทายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจาก 1) การพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดต่อเนื่อง 2) ความเสี่ยงในการเปลี่ยนผ่านจากความพยายามลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่อาจทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและกระทบการส่งออกรถยนต์ใช้น้ำมันของไทย 3) การห้ามจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันใน EU สหรัฐฯ และจีน จะส่งผลให้ไทยจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันลดลง และ 4) การสู้รบระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส โดยหากขยายวงกว้างและรุนแรงขึ้น อาจกระทบการส่งออกยานยนต์ไทย โดยเฉพาะในตลาดตะวันออกกลางที่มีสัดส่วนราว 13% และอาจส่งผลกระทบทางอ้อม เช่น ค่าระวางเรือที่มีโอกาสปรับขึ้น หากการโจมตีเรือสินค้าในคลองสุเอซยืดเยื้อ (prachachat.net, 17 ม.ค. 2567)