บทความพิเศษจากกรรมการผู้จัดการ
เหลือเวลาอีกไม่ถึง 4 เดือนแล้วนะครับที่ EU จะเริ่มใช้มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ในวันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้ ผมจึงอยากชวนทุกท่านมาทบทวนความเข้าใจและเตรียมความพร้อมแก่ธุรกิจของท่าน เพื่อรับมือกับมาตรการดังกล่าวกันครับ
- CBAM คืออะไร? : CBAM เป็นมาตรการภายใต้กรอบ European Green Deal ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่จะทำให้ EU บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้เหลือศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 แนวคิดของ CBAM คือ EU ควรมีกลไกปรับราคาของสินค้านำเข้าให้สะท้อนถึงปริมาณการปล่อยคาร์บอนที่แท้จริงในกระบวนการผลิตสินค้านั้น และเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมต่อผู้ผลิตใน EU หลังจากที่ก่อนหน้านี้ EU ได้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งทำให้ผู้ผลิตใน EU มีต้นทุนสูงกว่าและมีความสามารถในการแข่งขันลดลง เมื่อเทียบกับผู้ผลิตนอก EU ที่ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้
- CBAM เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอะไรบ้าง? : สำหรับสินค้าที่เป็นเป้าหมายของมาตรการ CBAM ในปัจจุบัน ได้แก่ ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ปุ๋ย กระแสไฟฟ้า และไฮโดรเจน นอกจากนี้ ยังคาดว่าในอนาคตอาจมีการขยายขอบเขตให้ครอบคลุมถึงพลาสติกและเคมีอินทรีย์ด้วย
- ผู้ประกอบการต้องทำอะไรบ้าง? : ในระยะแรกซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน (ต.ค. 2566-ธ.ค. 2568) ผู้ประกอบการยังไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ผู้นำเข้าสินค้าข้างต้นใน EU ต้องรายงานข้อมูลดังต่อไปนี้ทุกไตรมาส 1) ปริมาณสินค้าแต่ละชนิดที่นำเข้า 2) ปริมาณการปล่อยคาร์บอน (Embedded Emissions) ทั้งทางตรง (Direct) และทางอ้อม (Indirect) ของสินค้านั้น ที่ตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบที่ได้รับใบอนุญาต 3) ราคาคาร์บอนในประเทศที่ผลิตสินค้า
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป จะเป็นช่วงบังคับใช้เต็มรูปแบบ ซึ่งนอกเหนือจากการรายงานข้อมูลแล้ว ผู้นำเข้ายังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมใบรับรอง CBAM (CBAM Certificate) ภายในวันที่ 31 พ.ค. ของทุกปี โดยจะคิดจากปริมาณการปล่อยคาร์บอนของสินค้าที่นำเข้าหักด้วยราคาคาร์บอนที่ชำระในประเทศผู้ผลิตแล้ว หรือหักด้วยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Free Allowances) ตามสัดส่วนที่ EU กำหนด ทั้งนี้ หากไม่ได้ส่งมอบใบรับรอง CBAM ให้ครบถ้วนภายในกำหนดจะมีโทษปรับในอัตรา 100 ยูโรต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
- ผู้ประกอบการจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากมาตรการ CBAM มากเพียงใด? : จากข้อมูลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ที่คำนวณปริมาณการปล่อยคาร์บอนเฉลี่ยเฉพาะทางตรง (Direct Emissions) ในอุตสาหกรรมอะลูมิเนียมและซีเมนต์ของไทย พบว่ามีค่า 0.5 และ 0.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อตันสินค้าตามลำดับ ซึ่งเมื่อคิดราคาคาร์บอนเฉลี่ยใน EU ในปี 2565 ที่ตันละ 83 ยูโร จะทำให้ผู้ประกอบการอะลูมิเนียมและซีเมนต์ของไทยมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างน้อยตันละ 41.5 และ 49.8 ยูโร ตามลำดับ
ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ของไทยต่างเตรียมตัวรับมือกับมาตรการนี้แล้ว ส่วนผู้ประกอบการ SMEs อาจขอคำแนะนำจาก อบก. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของไทยในการให้บริการรับรองเครื่องหมาย Carbon Footprint ทั้งนี้ ปัจจุบันทาง อบก. อยู่ระหว่างพัฒนาแพลตฟอร์มคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน และเร่งกำหนดค่ามาตรฐาน (Benchmark) ปริมาณการปล่อยก๊าซฯ ของสินค้าไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย. 2567
สุดท้ายนี้ ผมอยากฝากให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม เพราะแม้ปัจจุบันสินค้าของท่านจะยังไม่อยู่ในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ แต่เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าในอนาคตประเทศต่างๆ จะใช้มาตรการในลักษณะนี้อย่างเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมุ่งสู่เป้า Net Zero การเตรียมตัวให้พร้อมกับมาตรการที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ครับ
Disclaimer : คอลัมน์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ ธสน.
ที่เกี่ยวข้อง
-
ส่องโอกาสส่งออกไทย...สินค้าหลายกลุ่มยังยืน 1 ท่ามกลางคลื่นลมในปี 2568
ปี 2567 กำลังจะผ่านพ้นไปแล้วนะครับ ในช่วงปลายปีแบบนี้ มักเป็นเวลาที่หลายท่านใช้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ และมองหาโอกาสหรือตั้งเป้าหมายใหม่ๆ ในปีหน้า ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้พูดถึงโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยในปี 2568 ซึ่งผมมอ...
21.12.2024
-
เร่งเพิ่มประสิทธิภาพ MSME หนุนรายได้ประเทศพุ่ง
อย่างที่ทราบกันดีว่า “ธุรกิจของคนตัวเล็ก” หรือที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่าวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดย่อย หรือ MSME (Micro, Small and Medium Enterprise) เป็นส่วนสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังค...
19.10.2024
-
ถอดโมเดลการปรับตัวของเกาหลีใต้ ... เร่งหยุดปัญหาเพื่อสร้างอนาคต
เมื่อพูดถึงต้นแบบของประเทศที่ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว หลายท่านคงนึกถึง “เกาหลีใต้” ซึ่งใช้ระยะเวลาเพียงราว 50 ปี พลิกฟื้นเศรษฐกิจจากที่เคยเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกในช่วงหลังสงครามเกาหลี (...
29.03.2024
-
เคล็ด(ไม่)ลับ ... ปรับธุรกิจท่องเที่ยวให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ได้ส่งสัญญาณเข้าสู่ภาวะวิกฤตชัดขึ้นเป็นลำดับ ช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ประเทศไทยก็ต้องเผชิญทั้งฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงและยาวนาน จนเชียงใหม่กลายเป็นเมืองที่มีค่าฝุ่น PM 2.5 สูง...
24.06.2024
-
กับดัก 3 กระจุก ... ความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ภาคส่งออกต้องก้าวข้าม
หลายปีที่ผ่านมาไทยเร่งพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อผลักดันให้ประเทศหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางผ่านกลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มรายได้แก่...
01.07.2024


By thanyapornr
2306_Thaipost_CBAM.pdf