Hot Issues

สถานการณ์สำคัญ

 ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งซึ่งเป็นสินค้าดาวรุ่งของไทยในตลาดจีนในปี 2562 คาดว่าจะต้องเผชิญความท้าทายจากการเข้ามาแข่งขันของไก่สดแช่เย็นแช่แข็งของสหรัฐฯ หลังจีนประกาศยกเลิกการห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 จากก่อนหน้านี้ที่ได้สั่งห้ามนำเข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เพื่อสกัดการระบาดของไข้หวัดนกในสหรัฐฯ ไม่ให้แพร่เข้ามาในจีน สำหรับเหตุผลที่จีนอนุญาตให้มีการนำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ ได้เป็นเพราะเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์สุกรแอฟริกา (African Swine Fever : ASF) ในจีนจนทำให้สุกรในจีนตายไปหลายล้านตัว จึงมีความต้องการเนื้อสุกรและเนื้อสัตว์อื่นๆ ทดแทน โดยเฉพาะเนื้อไก่ที่ชาวจีนนิยมบริโภค

ข้อคิดเห็นจากฝ่ายวิจัยธุรกิจ

การที่จีนอนุญาตให้นำเข้าสัตว์ปีกจากสหรัฐฯ ในครั้งนี้ นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไก่ของไทยกับไก่ของสหรัฐฯ จะเผชิญหน้ากันในตลาดจีนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 15 ปี เนื่องจากจีนเพิ่งกลับมานำเข้าไก่จากไทยเมื่อเดือนเมษายน 2561 หลังจากห้ามนำเข้าตั้งแต่ปี 2547 ขณะที่จีนห้ามนำเข้าไก่จากสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 ถึงปัจจุบัน สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งของไทยไปจีน ซึ่งมีมูลค่าส่งออกขยายตัวอย่างโดดเด่นถึง 340% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 หลังจากการระบาดของโรค ASF ในจีน เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตไก่อันดับ 1 ของโลก อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตกากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตอาหารไก่ รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก อุตสาหกรรมไก่ของสหรัฐฯ จึงมีศักยภาพในการแข่งขันด้านราคาเป็นอย่างมาก เห็นได้จากในช่วงก่อนที่จีนจะประกาศห้ามนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งในช่วงต้นปี 2558 สหรัฐฯ เคยมีส่วนแบ่งตลาดในจีนสูงถึงเกือบ 50% ของมูลค่านำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งทั้งหมดของจีน

 ฝ่ายวิจัยธุรกิจประเมินว่าในระยะสั้น การที่จีนอนุญาตให้นำเข้าสัตว์ปีก รวมถึงไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบไม่รุนแรงนักต่อการส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งของไทยไปตลาดจีน เพราะแม้ว่าจีนจะอนุญาตให้นำเข้าไก่สดจากสหรัฐฯ ได้แล้ว ประกอบกับสหรัฐฯ มีโรงเชือดและโรงงานแปรรูปสัตว์ปีกถึงกว่า 170 แห่งที่ได้รับสิทธิ์ในการส่งออกสัตว์ปีกไปจีนก็ตาม แต่การที่จีนยังคงเรียกเก็บภาษีนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 25% (จากมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน) จากอัตราปกติซึ่งอยู่ที่ราว 10-20% ขณะที่อัตราภาษีนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งที่จีนเรียกเก็บจากไทยอยู่ที่ 0% ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ทำให้ไทยมีแต้มต่อทางภาษีเหนือกว่าสหรัฐฯ ถึง 35-45% ประกอบกับไทยมีความได้เปรียบสหรัฐฯ ในด้านระยะทางขนส่งที่สั้นกว่า อีกทั้งไก่สดแช่เย็นแช่แข็งที่ไทยส่งออกมีรูปแบบหลากหลายกว่า โดยมีทั้งแบบไก่สดแช่เย็นแช่แข็งทั้งตัว และแบบแยกชิ้นส่วน ขณะที่สหรัฐฯ นิยมส่งออกเฉพาะไก่สดแช่เย็นแช่แข็งทั้งตัว จึงคาดว่าไทยจะยังมีช่องว่างในการส่งออกไปตลาดจีนในระดับหนึ่ง

 อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ผู้ประกอบการในธุรกิจส่งออกไก่ของไทยจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนว่าจีนจะปรับลดหรือยกเลิกอัตราภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร รวมถึงไก่สดแช่เย็นแช่แข็งให้สหรัฐฯ จากที่เรียกเก็บเพิ่มอีก 25% ในปัจจุบันหรือไม่ หรือจีนจะมีนโยบายขยายการนำเข้าไก่จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างไร อีกทั้งต้องติดตามสถานการณ์การห้ามใช้สารเคมีทางการเกษตร โดยเฉพาะสารไกลโฟเซตในประเทศไทยว่าจะมีการยกระดับสารไกลโฟเซตจากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 เป็นชนิดที่ 4 หรือไม่ รวมถึงทางภาครัฐจะอนุญาตให้สินค้าเกษตรและอาหารนำเข้าที่มีค่าสารไกลโฟเซตตกค้างหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบอาหารไก่จากประเทศที่มีการใช้สารเคมีดังกล่าวอยู่ หากห้ามนำเข้าวัตถุดิบดังกล่าวอาจกระทบต่อเนื่องมายังอุตสาหกรรมไก่ของไทย

Disclaimer : ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายและการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจเท่านั้น โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยจะไม่รับผิดชอบในความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการที่มีบุคคลนำข้อมูลนี้ไปใช้ไม่ว่าโดยทางใด