บทความพิเศษจากกรรมการผู้จัดการ

ATK…ใบเบิกทางของธุรกิจยุค Next Normal

“ดร. รักษ์ เล่าเรื่อง” ฉบับนี้ถือเป็นฉบับปฐมฤกษ์ของปี 2565 ผมจึงขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขอให้ทุกท่านประสบความสุข สุขภาพแข็งแรง และสามารถฟันฝ่าวิกฤต COVID-19 ไปพร้อมๆ กันนะครับ

ปี 2565 ความหวังน่าจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยที่หลายฝ่ายคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ 3-4% แม้ปัจจุบันจะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ OMICRON แต่หากไม่มีการล็อกดาวน์ในวงกว้าง ผมเห็นว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจน่าจะน้อยกว่าการระบาดของสายพันธุ์ DELTA ในปีก่อน นอกจากนี้ การที่ประชาชนและภาคธุรกิจเริ่มปรับตัวอยู่ร่วมกับ COVID-19 ได้ดีขึ้นก็ถือเป็น Soft Power ที่ช่วยให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เราเปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าที่จะอยู่ร่วมกับ COVID-19 ได้มากขึ้นคงหนีไม่พ้นชุดตรวจ COVID-19 ด้วยตนเอง หรือ “ATK” โดยปัจจุบันก่อนที่เราจะทำกิจกรรมอะไร ไม่ว่าจะไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน หรือติดต่อธุรกิจก็ต้องตรวจ ATK ก่อน จน ATK แทบกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตยุค COVID-19 และหากจะเปรียบแนวทางหรือ Mindset ในการดำเนินธุรกิจเพื่อต่อสู้กับความท้าทายใหม่ๆ ในระยะถัดไป ผมเห็นว่ามีความสอดคล้องกับตัวอักษร A.T.K.  เช่นกัน ดังนี้

Awakeตื่นให้เร็วเพื่อเกาะรถด่วนขบวนสุดท้าย ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายแล้วที่ผู้ประกอบการจะมีโอกาสเข้าถึงอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากปัจจุบันธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณจะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 3-4 ครั้งในปีนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ต้นทุนทางการเงินทั่วโลกทยอยเข้าสู่ขาขึ้นอย่างเต็มตัวในระยะถัดไป ดังนั้น ในปีนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีของผู้ประกอบการในการลงทุนเพื่อขยายกิจการ หรือเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ่านการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งจะมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหา Supply Chain Disruption โดยเฉพาะการขาดแคลนแรงงานและปัญหาคอขวดในการผลิต นอกจากนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพยังถือเป็นโอกาสดีในการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงผ่านการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ในธุรกิจแห่งอนาคต ซึ่งการทำ M&A ถือเป็นกลยุทธ์สุดฮิตในยุคนี้ก็ว่าได้ สะท้อนได้จากมูลค่า M&A ของโลกปี 2564 ที่มีกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์  

 Take Off… ก้าวให้ไวเพื่อกระโดดสู่เวทีโลก แม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะมีสัญญาณดีขึ้น แต่ด้วยปัญหาเชิงโครงสร้างที่เรื้อรัง ทำให้ไทยกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลกที่ประสบปัญหา Double Trouble ใน 2 มิติ
1.สังคมผู้สูงอายุ ปี 2565 จะเป็นปีแรกที่ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยมีสัดส่วนผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 20% และคาดว่าอีก 9 ปีข้างหน้าจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ (Hyper–Aged Society) ซึ่งเร็วกว่าญี่ปุ่นที่ใช้เวลาถึง 11 ปี 2.หนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ต่อ GDP สูงสุดในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้กำลังซื้อในประเทศเริ่มอิ่มตัว สวนทางกับตลาดเกิดใหม่หลายแห่งที่กำลังซื้อจะกลับมาเปรี้ยงปร้างจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็ว และคนหนุ่มสาวที่มีจำนวนมาก อาทิ เอเชียใต้ เวียดนาม อินโดนีเซีย ภาพดังกล่าวสะท้อนว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs ต้องออกไปลุยตลาดโลก ปีที่แล้ว สสว. คาดว่ามูลค่าส่งออกของ SMEs จะขยายตัวได้ถึง 31-32% สูงกว่ามูลค่าส่งออกรวมที่คาดว่าจะขยายตัว 16% ขณะที่ปี 2565 ก็คาดว่ามูลค่าส่งออกของ SMEs จะยังขยายตัวต่อเนื่องที่ 6-8% เห็นตัวเลขดังกล่าวแล้วผมแอบหวังว่าผู้ประกอบการ SMEs ของไทยที่เหลืออีก 99% ที่ยังขายอยู่แต่ในประเทศจะอยากก้าวออกไปคว้าโอกาสเหมือนเพื่อนๆ SMEs 1% ที่เป็นทัพหน้าออกไปก่อนหน้านี้กันบ้างนะครับ

Keep up-to-date ตามให้ทันเทรนด์โลก Megatrends ที่ผมพูดถึงมาโดยตลอดอย่าง Green, Digital, Health (GDH) จะเกิดเร็วขึ้นในปีนี้ สิ่งที่ท่านผู้อ่านเห็นในภาพยนตร์และไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ได้ปรากฏให้เห็นผ่านตัวเร่งในหลายมิติ อย่างกระแส Green ที่ถูกเร่งผ่านภัยธรรมชาติที่เป็นข่าวกันรายวัน ความร่วมมือที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุม COP26 ตลอดจนภาษีคาร์บอนที่จะถูกเริ่มนำมาใช้ในประเทศพัฒนาแล้ว มีส่วนเร่งให้สินค้า Green ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อาทิ รถยนต์ EV, Plant-based Food กระแส Digital ที่จะไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับชีวิตจริง แต่จะเป็นการเชื่อมโยงกับโลกเสมือนหรือ Metaverse ที่จะกลายมาเป็นเทคโนโลยีภาคต่อของ Social Media เราอาจเห็นตัวการ์ตูนตัวเองเข้าไปอยู่ในห้องประชุมหรือเข้าไปซื้อสินค้าใน Virtual Mall มากขึ้น กระแส Health ที่ถูกเร่งผ่าน COVID-19 จะยังมีต่อไปและเป็นรูปธรรมมากขึ้นผ่านมาตรการของประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะใช้ฉลากอาหารเพื่อแสดงปริมาณสารอาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพตามสีไฟจราจรโดยสมัครใจตั้งแต่ปี 2565

            ท่ามกลางวิกฤตและความท้าทายที่เกิดขึ้น ธุรกิจที่จะอยู่รอดอาจไม่จำเป็นต้องเป็นธุรกิจที่พร้อมทุกด้าน แต่ต้องเป็นธุรกิจที่ปรับตัวไว และกล้าที่จะเป็น First Mover ดังคำกล่าวของ Martin Luther King Jr. ที่ว่า “You don’t have to see the whole staircase. Just take the first step” (คุณไม่จำเป็นต้องเห็นบันไดทั้งหมด แค่กล้าเริ่มก้าวแรกก่อน) รีบมาคว้าโอกาสจากดอกเบี้ยต่ำ ตลาดโลกที่โตกว่า และเกาะไปกับเทรนด์แห่งอนาคตด้วยกันนะครับ

เอกสาร
ที่เกี่ยวข้อง
Related
more icon
Most Viewed
more icon
  • ตลาดแอฟริกา : แหล่งลงทุนที่ทำกำไรดีอย่างคาดไม่ถึง

    ท่านผู้อ่านครับ ในปีที่ผ่านมาผมได้เล่าถึงโอกาสการค้าการลงทุนในทวีปแอฟริกาไปแล้วหลายครั้ง ว่าเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ ทั้งในแง่ทรัพยากรธรรมชาติ ขนาดตลาด สัดส่วนประชากรในวัยแรงงาน การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาวะเศรษฐกิจ และ...

    calendar icon22.01.2019
  • การขายสินค้าออนไลน์ใน CLMV ให้ประสบความสำเร็จ

    ปัจจุบันแม้ตลาดออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน อันได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม หรือที่เรียกว่า CLMV จะยังมีขนาดเล็กกว่าไทย ด้วยจำนวนผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มีสัดส่วนเพียง 53% น้อยกว่าไทยที่มีสัดส่วนมากถึง 82% แต...

    calendar icon18.09.2018
  • จับสัญญาณความเสี่ยงธุรกิจจาก 3 ปัญหาคอขวดโลก

    หลายท่านคงเคยมีประสบการณ์ปัญหาคอขวด (Bottlenecks) อย่างการที่ต้องรอคิวช่องตรวจหนังสือเดินทางเป็นเวลานานที่สนามบิน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวที่ความต้องการใช้บริการหนาแน่นแต่ช่องการให้บริการมีจำกัด ซึ่งปัญหาคอขวดโลกก็มีสาเหตุ...

    calendar icon29.03.2024
link อื่นๆ
  • Relate Preview
  • Relate Preview
Financial Products
  • Finance Preview
  • Finance Preview
  • Finance Preview